นบสงฆ์สิขา นบอาจารีย์ นบโหราตรี เวทยวิธศาสตร์ไสยจักรทีปนี
จักรทีปนี เป็นต้นตำหรับราฐานที่ว่าด้วยหลัก วิชาพยากรณ์โหราศาสตร์ไทยคัมภีร์หนึ่ง ได้มีขึ้นในโลกแต่สมัยดึกดำบรรพ์นานมาแล้วหลายพันปี ประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้ตำราจักทีปนีเป็นหลักพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ จะมีผิดเพี้ยนกันไปบ้างงก็เพียงฝอยของคำพยากรณ์และรูปการ ซึ่งต้องแล้วแต่กาละเทศะหรือภูมิประเทศและเหตุการณ์ของประเทศนั้นๆ ปรากฏชัดตามตำนานกฃ่าวว่า พระอุตตมรามมหาเถร พระอรหันต์เป็นผู้รจนาพระคัมภีร์จักรทีปนี้นี้ไว้ โดยอาศัยหลักจากคัมภรี์พฤหัสบดีฉบับสันสกฤต จึงนับได้ว่าเป็นคัมภีร์สำคัญแห่งคัมภีร์ไตรเภท เพราะพระอริยบุคคลย่อมสมบูรณ์เปี่ยมด้วยสติและสมาธิ รู้แจ้งเห็นจริงในสภาวะธรรมทั้งปวง จะไม่กระทำอะไรผิดพลาดเหมือนปุถุชน ดังนั้นข้อความในต้นฉบับของท่านจึงยึดถือไพ้ว่าเป็นการถูกต้องตรงกับความเป็นจริง
ในโบราณกาลตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ผู้สนใจในวิชาโหราศาสตร์ได้พากันคัดลอกตำรานี้เป็นทอดๆหลายยุคหลายสมัย และเป็นธรรมดาอยู่เองที่การคัดลอกจะต้องคลาดเคลื่อนวิปริตผิดเพี้ยนไปจากต้นตำหรับเดิม ผู้คัดลอดบางคนอื่านตำราน้ไม่เข้าใจ เพราะเป็นผู้ไม่สามารถที่จะกระทำความเข้าใจอรรถกถาบาลีศัพท์อักษรศาสตร์ก็ตัดทิ้งเสียผ่านไป หรือนึกเดาเอาเองโดยเข้าใจว่าความคิดเห็นของตนถูแล้ว ดังนี้นต้นฉบับจักรทีปนี้จึงคลาดเคลื่อนและเป็นปัญหายุ่งยากในการค้นคว้าสอบทานของคนรุ่นหลังต่อมา ทั้งจะหาฉบับท่ถุกต้องกับต้นฉบับเดิมตั้งแต่ต้นจนจบแสนจะยากข้อความที่เ็นตำนานเบื้องต้นมีว่า
ภควา อันว่าสมเด็จะรพสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จไปประทับจำพรรษาอยู่ณ เมืองปาวายตนนครอันเป็นที่โคจรบิณฑบาต พร้อมด้ยพระอัครสาวก พระอสีติสาวก และพรสาวกสามัญรวม ๕๐๐ รุป พระผุ้มพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดชาวเมืองปาวายตนนครให้บรรลุมรรคผลเป็นอันมาก
ครั้นเมื่อมีการปวารณาออกพรรษแล้ว เป็นสมัยเขตเหมันตฤดูควรแก่การจาริก พระสงฆ์ปุถุชน ๑๐๐ รูปได้ไปทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อไปสู่รุกขมูลเสนาสนะบำเพ็ญเพียรภาวนานุโยคสืบไป เมื่อไปรับพุทธานุญาตแล้ว พระสงฆ์ ๑๐๐ รูปนั้นก็พากันออกจากเมืองปาวายตน จาริกไปถึงราวป่าแห่งหนึ่ง แล้วต่างก็แยกทางกันไปเป็นหมู่ๆ เพื่อไปสู่ชนบทตามความปรารถนาของหมู่นั้นๆ พระสงฆ์หมู่หนึ่ง ๕ รูปพากันจาริกไปถึงป่าัฏแห่งหนึ่ง ก็ไปพบดจรเข้า ณ ที่นั้น โจรเห็นพระสงฆ์เดินมา ก็สำคัญว่าจะมีทรัพย์สิ่งของอันมีค่ามาด้วย ก็เข้าสกัดตีชิงเอาสิ่งของ พระสงฆ์หมู่นั้นต่างองค์ต่างก็วิ่งหนีดจรหมู่นั้นไป แต่ภิกษุรูปหนึ่งล้มลงโจรก็ตีจนมรณภาพ แล้ก็ค้นดูที่ในกายตัว ก็ไม่ได้ทรัพย์สินอันใด เมื่อเปิดบาตรออกดู ก็เห็นแต่ผ้าฆาฏิผืนเดียวเท่านั้น ดจรเหล่านั้นเมื่อไม่ได้ทรัพย์สมบัติตามความปรารถนาแล้วก็พากันไปในที่อื่นต่อไป ครั้นเมื่อดจรไปแล้ว พระสงฆ์ ๔ รูปที่หนีไปได้ก็หวลกกลับมาเทียวตามหาพระภิกษุรูปที่หนีไปไม่ทัน ก็ได้พบนอนมรณภาพกอยู่ ณ ที่นั้น
พระภิกษุุ ๔ รูปนั้นจึงพากันกลับเข้าไปในเมืองปาวายตนนคร นำความไปแจ้งแก่พระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปฐาก พระอานนท์ก็นำความที่โจรตีพระภิกษุรูปนั้นให้ถึงมรณภาพขึ้นกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงมีพุทฏีกาตรัสแก่ พระอุตตมรามเถรผู้เป็นพระอสีติมหาสาวกที่มีปรีชาในทางโหราศาสตร์ว่า ดูกรอุตตมรามเถร พระภิกษุปุถุชนไปรุกขมูลไปพบโจรเข้าที่กลางทาง ดจรตีตายเพราะเหตุไม่รู้ฤกษ์ยาม ไปถูกยามจรไม่ดีเข้า แล้วก็มักเป็นเหตุให้ถึงอุปทวันตรายเสียในกลางทาง ถ้าไปถูกยามจรที่ดีก็ไปสวัสดีมีชัยในข้างหน้า นึกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นดังปรารถนา ควรที่พระสงฆ์จะเรียนรู้ฤกษ์บน และคัมภีร์โหราศาสตร์ไว้คุ้มตัว เมื่อมีกิจธุระไปในที่ใดๆ ก็จะได้ไปดดยสะดวกและการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิกขาบทไม่ต้องอาบัติ
พระอุตตมรามเถรรับพระพุทธฏีกาแล้ว ก็มาสั่งสอนพระภิกษุปุถุชนและพระโสดาบันบุคคคล และหมู่หญิงชายทั้งหลายที่ปรารถนาจะเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ให้ได้เล่าเรียนคัมภีร์โหราศาตร์ และฤกษ์บน มีคัมภีร์จักรทีปนี่โหราศาสตร์ขั้นต้นเป็นอาทิ
ในคัมพีร์พฤหัสบดีจักร กล่าวไว้ว่า พระอุตตมรามเถร เป็นพระภิกษุในรามัญประเทศ และตามตำนานที่กล่าวนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องเดียวกับในคัมภีรจันทร สุุริยคติทีปนีฏีกาวินิจฉัย มีความว่า
เกจิ วินยา จริยา อาจรยบางจำพวกอาศัยเหตุที่ตนมิได้รู้กระแสอธิบายแห่งฏีกาพระวินัยก็ยกโทษขึ้น คือ กล่าวคำครหาติเตียนว่า เป็นสมณะดังฤษมาเรียนรู้นักขตตฤกษ์เป็นพาหิรวิชาฉะนี้ พระคัมภีร์นี้เป็นที่จะยังคำครหานั้นให้อันตรธานเสื่อมสูญ และข้อความอธิบายฏีกาพระวินัยนั้นเดิมมีมูลเหตุ เพราะพระภิกษุทั้งหลายไปกเจริญสมณธรรมอยู่ในอรัญญิกเสนาสนะ มีหมู่ดจรมาถามว่า วันนี้พระจันทร์กอปรด้วยนัขัตตฤกข์เป็นดังฤา ครั้นพระภิกษุสงฆ์บอกว่ามิได้รู้ โจรว่าชนเหล่านี้มิใช่สมณะจึงมิได้รู้นักข้ตตบาท ชะรอยจะเป็นพวกโจรมาเที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ กล่าวฉะนี้แล้วโจรทั้งหลาก็กลุ้มรุมประหารภิกษุเหล่านั้นให้เจ็บช้ำลำบากแล้วหลีกไป ข้อความอันนี้ไซร์ทราบพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์มีพระพุทธฏีกาตรัสสั่งให้ประชุมพระภิกษุสงฆ์ แล้วจึงตรัสอนุญาตว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตอนุญาตบัดนี้ ให้ภิกษุอันจะไปจำเริญสมณธรรมในอรัญญิกเสนาสนะพึงเรียนรู้นักขัตตฤกษ์ ตามจะเรียนได้ทั้งสิ้นก็ดี โดยเอกเทศก็ดีสำหรับอรัญญิกวัตร เพื่อรักษาตนให้พ้นจากโจรรันตราย
อนึ่งคัมภีร์จักรทีปนี้นี้ ข้าพเจ้าได้รวบรวมจากต้นฉบับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระบรมานุชิโนรส และสมเด็จ เจ้าฟ้ากรมหลงพิทักษ์มนตรีทรงพระนิพนธ์ไว้ ทั้งได้ตรวจสอบกับต้นฉบับอื่นๆอีกมากหลาย จนแน่แก่ใจว่าเป็นการถูกต้องจึงได้บันทึกไว้ในตำราเล่มนี้ ส่วนถ้อยคำสำนวนทั้งภาษาไทยและภษาบาลีได้คัดลอกตามต้นฉบับเดิมทุกประการมิได้ตกแแต่แก้ไขอย่างใด
หลวงเสนานิติการ
๒๕ สิงหาคม ๒๔๙๘
ในโบราณกาลตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ผู้สนใจในวิชาโหราศาสตร์ได้พากันคัดลอกตำรานี้เป็นทอดๆหลายยุคหลายสมัย และเป็นธรรมดาอยู่เองที่การคัดลอกจะต้องคลาดเคลื่อนวิปริตผิดเพี้ยนไปจากต้นตำหรับเดิม ผู้คัดลอดบางคนอื่านตำราน้ไม่เข้าใจ เพราะเป็นผู้ไม่สามารถที่จะกระทำความเข้าใจอรรถกถาบาลีศัพท์อักษรศาสตร์ก็ตัดทิ้งเสียผ่านไป หรือนึกเดาเอาเองโดยเข้าใจว่าความคิดเห็นของตนถูแล้ว ดังนี้นต้นฉบับจักรทีปนี้จึงคลาดเคลื่อนและเป็นปัญหายุ่งยากในการค้นคว้าสอบทานของคนรุ่นหลังต่อมา ทั้งจะหาฉบับท่ถุกต้องกับต้นฉบับเดิมตั้งแต่ต้นจนจบแสนจะยากข้อความที่เ็นตำนานเบื้องต้นมีว่า
ภควา อันว่าสมเด็จะรพสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จไปประทับจำพรรษาอยู่ณ เมืองปาวายตนนครอันเป็นที่โคจรบิณฑบาต พร้อมด้ยพระอัครสาวก พระอสีติสาวก และพรสาวกสามัญรวม ๕๐๐ รุป พระผุ้มพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดชาวเมืองปาวายตนนครให้บรรลุมรรคผลเป็นอันมาก
ครั้นเมื่อมีการปวารณาออกพรรษแล้ว เป็นสมัยเขตเหมันตฤดูควรแก่การจาริก พระสงฆ์ปุถุชน ๑๐๐ รูปได้ไปทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อไปสู่รุกขมูลเสนาสนะบำเพ็ญเพียรภาวนานุโยคสืบไป เมื่อไปรับพุทธานุญาตแล้ว พระสงฆ์ ๑๐๐ รูปนั้นก็พากันออกจากเมืองปาวายตน จาริกไปถึงราวป่าแห่งหนึ่ง แล้วต่างก็แยกทางกันไปเป็นหมู่ๆ เพื่อไปสู่ชนบทตามความปรารถนาของหมู่นั้นๆ พระสงฆ์หมู่หนึ่ง ๕ รูปพากันจาริกไปถึงป่าัฏแห่งหนึ่ง ก็ไปพบดจรเข้า ณ ที่นั้น โจรเห็นพระสงฆ์เดินมา ก็สำคัญว่าจะมีทรัพย์สิ่งของอันมีค่ามาด้วย ก็เข้าสกัดตีชิงเอาสิ่งของ พระสงฆ์หมู่นั้นต่างองค์ต่างก็วิ่งหนีดจรหมู่นั้นไป แต่ภิกษุรูปหนึ่งล้มลงโจรก็ตีจนมรณภาพ แล้ก็ค้นดูที่ในกายตัว ก็ไม่ได้ทรัพย์สินอันใด เมื่อเปิดบาตรออกดู ก็เห็นแต่ผ้าฆาฏิผืนเดียวเท่านั้น ดจรเหล่านั้นเมื่อไม่ได้ทรัพย์สมบัติตามความปรารถนาแล้วก็พากันไปในที่อื่นต่อไป ครั้นเมื่อดจรไปแล้ว พระสงฆ์ ๔ รูปที่หนีไปได้ก็หวลกกลับมาเทียวตามหาพระภิกษุรูปที่หนีไปไม่ทัน ก็ได้พบนอนมรณภาพกอยู่ ณ ที่นั้น
พระภิกษุุ ๔ รูปนั้นจึงพากันกลับเข้าไปในเมืองปาวายตนนคร นำความไปแจ้งแก่พระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปฐาก พระอานนท์ก็นำความที่โจรตีพระภิกษุรูปนั้นให้ถึงมรณภาพขึ้นกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงมีพุทฏีกาตรัสแก่ พระอุตตมรามเถรผู้เป็นพระอสีติมหาสาวกที่มีปรีชาในทางโหราศาสตร์ว่า ดูกรอุตตมรามเถร พระภิกษุปุถุชนไปรุกขมูลไปพบโจรเข้าที่กลางทาง ดจรตีตายเพราะเหตุไม่รู้ฤกษ์ยาม ไปถูกยามจรไม่ดีเข้า แล้วก็มักเป็นเหตุให้ถึงอุปทวันตรายเสียในกลางทาง ถ้าไปถูกยามจรที่ดีก็ไปสวัสดีมีชัยในข้างหน้า นึกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นดังปรารถนา ควรที่พระสงฆ์จะเรียนรู้ฤกษ์บน และคัมภีร์โหราศาสตร์ไว้คุ้มตัว เมื่อมีกิจธุระไปในที่ใดๆ ก็จะได้ไปดดยสะดวกและการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสิกขาบทไม่ต้องอาบัติ
พระอุตตมรามเถรรับพระพุทธฏีกาแล้ว ก็มาสั่งสอนพระภิกษุปุถุชนและพระโสดาบันบุคคคล และหมู่หญิงชายทั้งหลายที่ปรารถนาจะเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ให้ได้เล่าเรียนคัมภีร์โหราศาตร์ และฤกษ์บน มีคัมภีร์จักรทีปนี่โหราศาสตร์ขั้นต้นเป็นอาทิ
ในคัมพีร์พฤหัสบดีจักร กล่าวไว้ว่า พระอุตตมรามเถร เป็นพระภิกษุในรามัญประเทศ และตามตำนานที่กล่าวนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องเดียวกับในคัมภีรจันทร สุุริยคติทีปนีฏีกาวินิจฉัย มีความว่า
เกจิ วินยา จริยา อาจรยบางจำพวกอาศัยเหตุที่ตนมิได้รู้กระแสอธิบายแห่งฏีกาพระวินัยก็ยกโทษขึ้น คือ กล่าวคำครหาติเตียนว่า เป็นสมณะดังฤษมาเรียนรู้นักขตตฤกษ์เป็นพาหิรวิชาฉะนี้ พระคัมภีร์นี้เป็นที่จะยังคำครหานั้นให้อันตรธานเสื่อมสูญ และข้อความอธิบายฏีกาพระวินัยนั้นเดิมมีมูลเหตุ เพราะพระภิกษุทั้งหลายไปกเจริญสมณธรรมอยู่ในอรัญญิกเสนาสนะ มีหมู่ดจรมาถามว่า วันนี้พระจันทร์กอปรด้วยนัขัตตฤกข์เป็นดังฤา ครั้นพระภิกษุสงฆ์บอกว่ามิได้รู้ โจรว่าชนเหล่านี้มิใช่สมณะจึงมิได้รู้นักข้ตตบาท ชะรอยจะเป็นพวกโจรมาเที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ กล่าวฉะนี้แล้วโจรทั้งหลาก็กลุ้มรุมประหารภิกษุเหล่านั้นให้เจ็บช้ำลำบากแล้วหลีกไป ข้อความอันนี้ไซร์ทราบพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์มีพระพุทธฏีกาตรัสสั่งให้ประชุมพระภิกษุสงฆ์ แล้วจึงตรัสอนุญาตว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตอนุญาตบัดนี้ ให้ภิกษุอันจะไปจำเริญสมณธรรมในอรัญญิกเสนาสนะพึงเรียนรู้นักขัตตฤกษ์ ตามจะเรียนได้ทั้งสิ้นก็ดี โดยเอกเทศก็ดีสำหรับอรัญญิกวัตร เพื่อรักษาตนให้พ้นจากโจรรันตราย
อนึ่งคัมภีร์จักรทีปนี้นี้ ข้าพเจ้าได้รวบรวมจากต้นฉบับของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระบรมานุชิโนรส และสมเด็จ เจ้าฟ้ากรมหลงพิทักษ์มนตรีทรงพระนิพนธ์ไว้ ทั้งได้ตรวจสอบกับต้นฉบับอื่นๆอีกมากหลาย จนแน่แก่ใจว่าเป็นการถูกต้องจึงได้บันทึกไว้ในตำราเล่มนี้ ส่วนถ้อยคำสำนวนทั้งภาษาไทยและภษาบาลีได้คัดลอกตามต้นฉบับเดิมทุกประการมิได้ตกแแต่แก้ไขอย่างใด
หลวงเสนานิติการ
๒๕ สิงหาคม ๒๔๙๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น